ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงซึมซับข่าวที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค.
ณ เวลา 20.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,402.51 จุด เพิ่มขึ้น 17.23 จุด หรือ 0.07%
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเฟดยังได้ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่เหนืออัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางในระยะยาวต่อไปอีก 2 ปี และเฟดมีความจำเป็นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ในแถลงการณ์การประชุมล่าสุด เฟดได้ตัดข้อความ "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย" ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการแถลงข่าวว่า การที่เฟดตัดข้อความดังกล่าว ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแต่อย่างใด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ขยายตัวที่ระดับ 4.2% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้
การขยายตัวของ GDP ในไตรมาส 2 ที่ระดับ 4.2% ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี หลังจากขยายตัวเพียง 2.2% ในไตรมาสแรก
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนส.ค. มากที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. จากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์