ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 200.91 จุดหลังบอนด์ยีลด์พุ่ง ขณะหุ้นเทคโนฯดิ่งฉุด Nasdaq ร่วงตาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 5, 2018 06:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสุงสุดในรอบ 7 ปี หลังจากประธานธนาคารสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,627.48 จุด ร่วงลง 200.91 จุด หรือ -0.75% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,879.51 จุด ลดลง 145.57 จุด หรือ -1.81% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,901.61 จุด ลดลง 23.90 จุด หรือ -0.82%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.178% หลังจากแตะระดับ 3.232% ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.341% หลังจากแตะระดับ 3.375% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557

การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดมีส่วนผลักดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ รวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 และยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนี Nasdaq ร่วงลงมากกว่า 1.8% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.76% หุ้นอเมซอน ดิ่งลง 2.22% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.6% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 2.07% หุ้นฟิตบิท ดิ่งลง 2.72% หุ้น Nvidia ร่วงลง 2.6% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ลดลง 2.2% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 0.9% และหุ้นอินเทล ปรับตัวลง 1.3%

ทั้งนี้ การร่วงลงของหุ้นแอปเปิลและหุ้นอเมซอนมีสาเหตุมาจากรายงานข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่ว่า รัฐบาลจีนได้ลักลอบฝังไมโครชิปในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของบริษัท เพื่อล้วงข้อมูลลับทางการค้า ขณะที่แอปเปิล และอเมซอน ต่างก็ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวดังกล่าว

หุ้นกลุ่มพลังงานปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ จากรายงานข่าวที่ว่าซาอุดิอาระเบียและรัสเซียเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยการผลิตน้ำมันที่ลดลงจากอิหร่าน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.7% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 0.3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.25% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 2.8% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 0.4%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลงหลังจากพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้ โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลดลง 0.95% หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 0.64% หุ้น 3M ร่วงลง 0.91% และหุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ลดลง 0.46%

อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 0.34% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 0.2% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.4%

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาตัวเลขเฉลี่ยค่าจ้างรายชั่วโมงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวจะเป็นตัวบ่งชี้เงินเฟ้อ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ