ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจ (defensive stocks) อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,486.78 จุด เพิ่มขึ้น 39.73 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,884.43 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,735.95 จุด ลดลง 52.50 จุด หรือ -0.67%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี เช่นหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภค โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปรับตัวขึ้น 0.3% หุ้นเป๊ปซี่โค พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นโคคา-โคลา เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ดีดขึ้น 0.9%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งสามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดีเช่นกันนั้น ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.2% และหุ้นเอ็กเซลอน เพิ่มขึ้น 0.5%
หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ทะยานขึ้น 3.3% หลังจากบาร์เคลยส์ประกาศปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของ GE สู่ระดับ overweight จากเดิมที่ equal weight โดยบาร์เคลยส์ระบุว่า ราคาหุ้นของ GE ได้สะท้อนข่าวลบที่ผ่านมาของบริษัทแล้ว และมีการคาดการณ์กันว่า การแต่งตั้งนายลอว์เรนซ์ คัลป์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ จะช่วยพลิกฟื้นกิจการของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง จากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR ลง 1% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.02% หุ้นอเมซอน ดิ่งลง 1.3% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.6% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.1% หุ้น Nvidia ร่วงลง 1.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ลดลง 1.2% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 1.3% หุ้นอะโดเบ ซิสเต็มส์ ร่วงลง 3.2% และหุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.2%
หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากกูเกิลแถลงเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้ตรวจพบช่องโหว่ (bug) ในระบบซึ่งอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าจำนวน 500,000 รายรั่วไหลออกไป นอกจากนี้ กูเกิลได้ทำการปิดการให้บริการ Google+ และมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษาข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า
หุ้นเทสลา ร่วงลง 4.4% แม้ทางบริษัทยืนยันว่า รถยนต์เทสลารุ่น Model 3 เป็นรถยนต์ที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำที่สุดในการเกิดอาการบาดเจ็บในบรรดารถยนต์ที่ได้รับการทดสอบโดยสำนักงานความปลอดภัยด้านการคมนาคมบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA)
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยหากตัวเลข CPI ดีดตัวขึ้นมากกว่าระดับ 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน