ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหภาพยุโรปและอิตาลี ในประเด็นการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 372.12 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,947.16 จุด ลดลง 164.74 จุด หรือ -1.36% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,233.33 จุด ลดลง 85.21 จุด หรื -1.16% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,300.25 จุด ลดลง 59.11 จุด หรือ -1.10%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นในเอเชียเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR ลง 1% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลียังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยแม้ว่ารัฐบาลอิตาลีประกาศปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2563 ลงเหลือ 2.1% และลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2564 ลงเหลือ 1.8% ของตัวเลข GDP แต่รัฐบาลยังคงยืนยันที่จะกำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2562 เอาไว้ที่ 2.4% ของตัวเลข GDP แม้สหภาพยุโรปได้ออกมาเตือนว่า เป้าหมายการขาดดุลในปี 2562 นั้นสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลชุดก่อนถึง 3 เท่า
หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีปรับตัวลง โดยหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 3.9% ขณะที่หุ้นยูนิเครดิต ดิ่งลง 3.7%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี ร่วงลง 2% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 1.2%
หุ้นแอร์บัสดิ่งลงเกือบ 1% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า บริษัทแอร์บัสเตรียมแต่งตั้งนายกิลลูเม ฟาวรี ให้ดำรงตำแหน่งประธานบริหารคนใหม่ แทนนายทอม เอนเดอร์ส
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีรายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%