ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและยุโรป รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าที่อาจฉุดเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดยหุ้นกลุ่มสินค้าหรูร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงหุ้นหลุยส์ วิตตอง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 366.93 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,712.50 จุด ลดลง 264.72 จุด หรือ -2.21% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,206.22 จุด ลดลง 112.33 จุด หรือ -2.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,145.74 จุด ลดลง 91.85 จุด หรือ -1.27%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยเมื่อเวลา 20.04 น.ตามเวลาไทยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.241% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.401%
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศยุโรปปรับตัวขึ้นเช่นกัน ซึ่งรวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.98%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยหุ้นหลุยส์ วิตตอง ดิ่งลงกว่า 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.138 หมื่นล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.156 หมื่นล้านยูโร ขณะที่หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ร่วงลงกว่า 8% และหุ้นเคอริ่ง ร่วงลง 9.6%
ส่วนหุ้นบริษัทอื่นๆที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้นอาดิดาส ร่วงลง 4.5% และหุ้น SAP ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ ดิ่งลง 4.9%