ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัท แคทเธอร์พิลลาร์ และ 3M นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นจีน รวมทั้งความกังวลจากรายงานที่ว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ปฏิเสธร่างงบประมาณประจำปีหน้าของอิตาลี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,191.43 จุด ร่วงลง 125.98 จุด หรือ -0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,740.69 จุด ลดลง 15.19 จุด หรือ -0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,437.54 จุด ลดลง 31.09 จุด หรือ -0.42%
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 7.6% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท โดยแม้ว่าแคทเธอร์พิลลาร์ระบุว่า บริษัทมีกำไร 2.86 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.85 ดอลลาร์/หุ้น แต่ทางบริษัทคาดการณ์ว่าจะมีกำไร 11.00-12.00 ดอลลาร์/หุ้นในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 11.65 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้น 3M ดิ่งลง 4.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาด นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดแนวโน้มกำไรประจำปีนี้
หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.2% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 68 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53 เซนต์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 1.32 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.07 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.6% และหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 3.2% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์ยี ร่วงลง 1.7% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดิ่งลง 3.3% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.2%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงกว่า 2% เมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้พยายามกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังจากที่จีนได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้นนิว โอเรียนทัล และหุ้นทีเอแอล เอดดูเคชัน กรุ๊ป ร่วงลง 16.06% และ 5.13% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในอิตาลี หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ประกาศว่า อิตาลีจะต้องทำการทบทวนข้อเสนอร่างงบประมาณประจำปีหน้า โดยนายไดอาลอก วัลดิส ดอมโบรสกีส์ รองประธาน EC กล่าวว่า EC ไม่มีทางเลือก นอกจากปฏิเสธข้อเสนองบประมาณของรัฐบาลอิตาลี และอิตาลีมีเวลา 3 สัปดาห์ในการยื่นข้อเสนองบประมาณฉบับใหม่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ EC ได้ปฏิเสธการยอมรับร่างงบประมาณของประเทศสมาชิก EU
ทั้งนี้ รัฐบาลอิตาลีได้เพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีหน้า ขณะที่รัฐบาลชุดเดิมของอิตาลียืนยันว่าจะรักษาตัวเลขขาดดุลที่ 0.8% ของ GDP และ EU มองว่าร่างงบประมาณปี 2562 ของอิตาลีขัดต่อกฎหมายทางการเงินของ EU
อย่างไรก็ตาม หุ้นแมคโดนัลด์ ดีดตัวขึ้น 6.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 5.37 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.32 พันล้านดอลลาร์ และกำไรอยู่ที่ระดับ 2.10 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.99 ดอลลาร์/หุ้น
ส่วนหุ้นเวอไรซอน คอมมูนิเคชันส์ พุ่งขึ้น 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และกำไรในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน