ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลง นอกจากนี้ การดิ่งลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นลอนดอนเช่นกัน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,955.21 จุด ลดลง 87.59 จุด หรือ -1.24%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนีตลาดหุ้นจีนดิ่งลงกว่า 2% เมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงกว่า 120 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และจากการร่วงลงของราคาหุ้นพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 4%
หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ร่วงลง 9.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ ขณะที่หุ้นจีวีซี ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจด้านอุปกรณ์กีฬา ดิ่งลง 7.1% และหุ้นเซนต์ เจมส์ เพลส บริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ร่วงลง 5.25%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นเฟรนนิลโล พุ่งขึ้น 9.11% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ปรับตัวขึ้น 3.8%
นักลงทุนยังคงจับตาการทำข้อตกลงเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) รวมทั้งเสถียรภาพทางการเมืองในอังกฤษ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษได้พากันโจมตีนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรป ทำให้มีการคาดการณ์ว่านางเมย์อาจหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ