ดัชนีดาวโจนส์พลิกดิ่งลงเกือบ 300 จุดในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขณะที่ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทโบอิ้ง
การทรุดตัวของดัชนีดาวโจนส์ ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงกว่า 2% ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 1.68%
ณ เวลา 22.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,919.13 จุด ดิ่งลง 272.30 จุด หรือ 1.08%
ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 500 จุด ก่อนจะปิดตลาดลดลง 125 จุด โดยการพุ่งขึ้นของบริษัทแมคโดนัลด์ และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล หลังเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการที่สดใส ช่วยลดช่วงติดลบในตลาด
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ยังคงดิ่งลงเกือบ 5% ในเดือนนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง, ความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของอิตาลี, ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย กรณีการเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบีย
สัปดาห์นี้นับเป็นสัปดาห์การประกาศผลประกอบการที่คึกคักที่สุด โดยบริษัทจดทะเบียนกว่า 100 แห่งมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3
บรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว จำนวน 80% ได้รายงานผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ราคาหุ้นของบริษัทโบอิ้งพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ หลังเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 3.58 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่มีรายได้ 2.515 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทจะมีกำไรที่ระดับ 3.47 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 2.397 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ โบอิ้งได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์กำไรประจำปีนี้ สู่ระดับ 14.90-15.10 ดอลลาร์/หุ้น จากเดิมที่ระดับ 14.30-14.50 ดอลลาร์/หุ้น
บริษัทยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รายงานตัวเลขกำไรพุ่งขึ้น 20% ในไตรมาส 3 โดยได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความคึกคักของธุรกิจออนไลน์
ทั้งนี้ UPS เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 1.51 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.73 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 3 จากระดับ 1.26 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.44 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% สู่ระดับ 1.744 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 5.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 553,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2559 โดยปรับตัวลงติดต่อกัน 4 เดือน หลังจากแตะระดับ 585,000 ยูนิตในเดือนส.ค.
ยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงในเดือนก.ย. ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้น
ยอดขายบ้านดิ่งลงทุกภูมิภาค ยกเว้นเขตมิดเวสต์ที่ปรับตัวขึ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะลดลงสู่ระดับ 625,000 ยูนิตในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 13.2% ในเดือนก.ย.