ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,004.10 จุด เพิ่มขึ้น 41.12 จุด หรือ +0.59%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ เทสลา และฟอร์ด มอเตอร์
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
สำหรับหุ้นบริษัทข้ามชาติที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้นสมิธ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรม พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 3.81%
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงเช่นเดียวกับสกุลเงินยูโรนั้น มาจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ทั้งนี้ ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนในปีหน้า พร้อมกับประกาศเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.5 หมื่นล้านยูโร (1.74 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือน จนถึงสิ้นเดือนธ.ค.ปีนี้ หากข้อมูลที่ ECB ได้รับ ยืนยันถึงแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะกลาง