ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างอเมซอน และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล นอกจากนี้ กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.8% ปิดที่ 352.34 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,200.62 จุด ลดลง 106.50 จุด หรือ -0.94% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,967.37 จุด ลดลง 64.92 จุด หรือ -1.29% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,939.56 จุด ลดลง 64.54 จุด หรือ -0.92%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างอัลฟาเบทและอเมซอนได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก และได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัว 3.5% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.4%
หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 4.1% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 448 ล้านปอนด์ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 507 ล้านปอนด์
หุ้นเกลนคอร์ ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ปรับตัวลง 0.1% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันในปี 2561 ลง 6%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สถาบันวิจัย GfK รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.ของเยอรมนี อยู่ที่ระดับ 10.6 ซึ่งทรงตัวจากระดับของเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 10.5
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของฝรั่งเศสปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 95 จากระดับ 94 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 94