ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) เนื่องจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในปีหน้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,114.66 จุด ลดลง 13.44 จุด หรือ -0.19%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหราชอาณาจักรจะขยายตัว 1.7% ในปีหน้า ลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 1.8% ในเดือนส.ค.
การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอังกฤษกล่าวว่า สหราชอาณาจักรและ EU ใกล้บรรลุข้อตกลงในภาคบริการทางการเงินแล้ว ซึ่งจะทำให้กรุงลอนดอนสามารถเข้าถึงตลาดการเงินใน EU หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจาก EU
ทั้งนี้ หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง พุ่งขึ้น 3% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ทะยานขึ้น 4.5% และหุ้นบาร์เคลย์ส ดีดตัวขึ้น 4%