ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) หลังจากหุ้นกลุ่มทรัพยากรได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุน อย่างไรก็ตาม ตลาดถูกกดดันในระหว่างวัน จากรายงานของมาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของสหราชอาณาจักรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,103.84 จุด เพิ่มขึ้น 9.72 จุด หรือ +0.14%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มทรัพยากร โดยหุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวขึ้น 1.1% และหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.7%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงหลังจากมีการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารหลายแห่ง โดยหุ้นบาร์เคลย์ส์ ปรับตัวลง 0.5% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ดิ่งลง 1.6%
สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวด้านอื่นๆของภาคธนาคารนั้น สำนักข่าวสกาย นิวส์รายงานรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ปจะปลดพนักงานจำนวน 6,000 ตำแหน่ง โดยการปลดพนักงานดังกล่าวจะเกิดขึ้นในวงกว้างทุกหน่วยงานของทางธนาคาร ซึ่งรวมถึงฝ่ายลูกค้าองค์กร และลูกค้ารายย่อย
อย่างไรก็ดี ทางธนาคารจะมีการสร้างงานใหม่จำนวน 8,000 ตำแหน่ง ซึ่งหมายความว่า ทางธนาคารจะมีตัวเลขสร้างงานใหม่สุทธิ 2,000 ตำแหน่ง
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดัน หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. จากระดับ 53.9 ในเดือนก.ย.
การร่วงลงของดัชนีในเดือนต.ค.ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่, การจ้างงาน และการใช้จ่ายของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัว โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 เป็นเวลา 27 เดือนติดต่อกัน