ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) เนื่องจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากมีรายงานว่า EU พร้อมประนีประนอมประเด็นไอร์แลนด์ เพื่อหวังปลดล็อกข้อตกลง Brexit
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,040.68 จุด ลดลง 63.16 จุด หรือ -0.89%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนั้น มาจากรายงานที่ว่า EU พร้อมที่จะให้การสนับสนุนข้อเสนอของอังกฤษในการประนีประนอมเกี่ยวกับชายแดนไอร์แลนด์เพื่อแก้ไขอุปสรรคประการสุดท้ายในการทำข้อตกลง Brexit
ทางด้านนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า ตนมีความเชื่อมั่นว่าอังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU ในประเด็น Brexit ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายของการเจรจา อย่างไรก็ดี นางเมย์ย้ำว่า อังกฤษจะไม่ทำข้อตกลง Brexit โดยยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ข้อตกลงดังกล่าว
หุ้นดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต ร่วงลงเกือบ 4% หุ้นบีที กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมข้ามชาติ ดิ่งลง 4.49% ซึ่งราคาหุ้นทั้งสองบริษัทปรับตัวลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี FTSE 100
หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ร่วงลง 1.9% ส่วนหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ดีดตัวขึ้น 1.6%