ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่เป็นไปตามคาดการณ์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้
ณ เวลา 17.13 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 202 จุด หรือ 0.79% สู่ระดับ 25,843 จุด
สื่อรายงานว่า พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้
นักลงทุนเชื่อว่าการที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส จะเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับตลาดหุ้น เนื่องจากการที่พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นการช่วยตรวจสอบ ถ่วงดุล และคานอำนาจฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสกัดนโยบายที่สุดโต่งและมีผลกระทบต่อตลาดของรัฐบาล เช่น นโยบายกีดกันทางการค้า และการทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้า ขณะที่พรรคเดโมแครตจะสนับสนุนนโยบายที่เป็นมิตรต่อตลาด
นอกจากนี้ สถิติในอดีตที่ผ่านมาเกี่ยวกับการปรับตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทต่อผลการเลือกตั้งในสหรัฐพบว่า ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดเมื่อพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส
ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ส่วนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 12% ต่อปี ซึ่งการเลือกตั้งกลางเทอมในครั้งนี้ ก็ออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดวอลล์สตรีท
นอกจากนี้ ในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนมากถึง 16% ต่อปี
ขณะเดียวกัน หากประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ส่วนพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะทำให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 8.6% ต่อปี