ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนขานรับความชัดเจนหลังการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ ซึ่งผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้
ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,856.60 จุด เพิ่มขึ้น 221.59 จุด หรือ 0.86%
สื่อรายงานว่า พรรคเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์พุ่งขึ้นในการซื้อขายช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจากความหวังที่ว่า การที่พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะสามารถขัดขวางนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถทำงานร่วมกับปธน.ทรัมป์ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
นักลงทุนเชื่อว่าการที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส จะเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับตลาดหุ้น เนื่องจากการที่พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นการช่วยตรวจสอบ ถ่วงดุล และคานอำนาจฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสกัดนโยบายที่สุดโต่งและมีผลกระทบต่อตลาดของรัฐบาล เช่น นโยบายกีดกันทางการค้า และการทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้า ขณะที่พรรคเดโมแครตจะสนับสนุนนโยบายที่เป็นมิตรต่อตลาด
นอกจากนี้ สถิติในอดีตที่ผ่านมาเกี่ยวกับการปรับตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทต่อผลการเลือกตั้งในสหรัฐพบว่า ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดเมื่อพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส
ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ส่วนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 12% ต่อปี ซึ่งการเลือกตั้งกลางเทอมในครั้งนี้ ก็ออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดวอลล์สตรีท
นอกจากนี้ ในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนมากถึง 16% ต่อปี
ขณะเดียวกัน หากประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ส่วนพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะทำให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 8.6% ต่อปี