ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานกว่า 350 จุด ขานรับ"เดโมแครต"ยึดสภาผู้แทนฯ คานอำนาจ"ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 8, 2018 00:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 350 จุด ขณะที่นักลงทุนขานรับความชัดเจนหลังการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ ซึ่งผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้

ณ เวลา 00.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,987.07 จุด เพิ่มขึ้น 352.06 จุด หรือ 1.37%

สื่อรายงานว่า พรรคเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้

หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์พุ่งขึ้นในการซื้อขายช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจากความหวังที่ว่า การที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะสามารถขัดขวางนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถทำงานร่วมกับปธน.ทรัมป์ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

นักลงทุนเชื่อว่าการที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส จะเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับตลาดหุ้น เนื่องจากการที่พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นการช่วยตรวจสอบ ถ่วงดุล และคานอำนาจฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสกัดนโยบายที่สุดโต่งและมีผลกระทบต่อตลาดของรัฐบาล เช่น นโยบายกีดกันทางการค้า และการทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้า ขณะที่พรรคเดโมแครตจะสนับสนุนนโยบายที่เป็นมิตรต่อตลาด

นอกจากนี้ สถิติในอดีตที่ผ่านมาเกี่ยวกับการปรับตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทต่อผลการเลือกตั้งในสหรัฐพบว่า ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดเมื่อพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส

ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ส่วนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 12% ต่อปี ซึ่งการเลือกตั้งกลางเทอมในครั้งนี้ ก็ออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดวอลล์สตรีท

นอกจากนี้ ในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนมากถึง 16% ต่อปี

ขณะเดียวกัน หากประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ส่วนพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะทำให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 8.6% ต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ