ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงตามราคาหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทลูเมนตัม โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ที่ผลิตอุปกรณ์จับภาพบนใบหน้าของ iPhone ได้ปรับลดแนวโน้มผลประกอบการ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากราคาหุ้นโกลด์แมน แซคส์ดิ่งลง อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ทางการมาเลเซียได้กดดันให้โกลด์แมน แซคส์จ่ายคืนเงินค่าธรรมเนียมจัดตั้งกองทุน 1MDB ซึ่งพัวพันกับคดีทุจริตและติดสินบน นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันยังส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,387.18 จุด ลดลง 602.12 จุด ร่วงลง -2.32% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,200.87 จุด ลดลง 206.03 จุด หรือ -2.78% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,726.22 จุด ลดลง 54.79 จุด หรือ -1.97%
หุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 5.04% หลังจากบริษัทลูเมนตัม โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเลเซอร์ที่สามารถจับภาพ 3 มิติในฟีเจอร์ faceID ที่ใช้ในการผลิต iPhone ประกาศปรับลดแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปีหน้า โดยระบุว่า หนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทได้ประกาศลดคำสั่งซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว
รายงานดังกล่าวได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับยอดขายของ iPhone รุ่นล่าสุดของแอปเปิลในช่วงที่ช่วงเทศกาลวันหยุดใกล้มาถึง ขณะที่นายโก๊ะ หมิง-ฉี ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์จากบริษัททีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ซิเคียวริตี้ส์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริษัทแอปเปิล ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขาย iPhone XR ลง 30 ล้านเครื่องในรายงานเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ การร่วงลงของหุ้นแอปเปิลได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีด้วย โดยหุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 4.4% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 2.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.1% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 2.4% หุ้น Nvidia ร่วงลง 7.8% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 4.2% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 3.1% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.3%
ส่วนหุ้นลูเมนตัม โฮลดิ้งส์ ทรุดตัวลงอย่างหนักถึง 33% และได้ฉุดหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่นๆร่วงลงด้วย โดยหุ้นเซอร์คัส ลอจิก อิงค์ ดิ่งลง 13.8% หุ้น Qorvo ร่วงลง 6.3% และหุ้นสกายเวิร์คส์ โซลูชันส์ ร่วงลง 5%
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 7.46% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายลิม กวน เอิง รมว.คลังมาเลเซีย เรียกร้องให้โกลด์แมน แซคส์จ่ายคืนเงินค่าธรรมเนียมจำนวน 600 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลมาเลเซียจ่ายให้แก่ทางธนาคารในการจัดตั้งกองทุน 1MDB ซึ่งพัวพันกับข่าวอื้อฉาวของการทุจริตและติดสินบน โดยโกลด์แมน แซคส์เป็นผู้ดำเนินการในการทำข้อตกลง 3 ฉบับในการออกพันธบัตรในปี 2555 และ 2556 เพื่อจัดตั้งกองทุน 1MDB ซึ่งสามารถระดมเงินทุน 6.5 พันล้านดอลลาร์
การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงด้วย โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 2.3% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 3.5% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.6% และหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 2.1%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 11 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.3% และหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์ยี ร่วงลง 4.7% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 1.9% และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดิ่งลง 4.4%
หุ้นเจเนรัล อิเล็กทริค (GE) ร่วงลง 6.9% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของ GE ลงสู่ระดับ 6 ดอลลาร์ จากระดับ 10 ดอลลาร์ โดยระบุถึงปัญาหนี้สินของ GE ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ปรับตัวลง 1.4% แม้ทางบริษัทเปิดเผยว่า ยอดขายทางออนไลน์ของบริษัทในวันคนโสด (Singles' Day sales) พุ่งแตะ 3.08 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.