ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) หลังจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,053.08 จุด ลดลง 52.26 จุด หรือ -0.74%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ขยายตัว 3.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 3.6%
ทั้งนี้ หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 3.5% ขณะที่หุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 11 เมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวลง 0.2% ขณะที่หุ้นบีพี ดิ่งลง 1%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเอชเอสบีซี ร่วงลง 1.6% หุ้นบาร์เคลย์ส ปรับตัวลง 1.2%
นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาข้อตกลงว่าด้วยการถอนตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรัฐบาลอังกฤษกำลังแข่งกับเวลาในการเร่งทำข้อตกลง Brexit ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) อย่างสมบูรณ์ในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.ปีหน้า
ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะมีการขยายตัว 1.7% ในปีหน้า ขณะที่เงินเฟ้อจะแตะ 2.1% โดยการคาดการณ์ของ BoE ขึ้นอยู่กับการที่สหราชอาณาจักรสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit กับ EU และยังคงมีความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิดกับ EU