ดัชนีดาวโจนส์ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทรุดตัวลงเกือบ 250 จุด โดยถูกกระทบจากการดิ่งลงของหุ้นอเมซอนและวอลมาร์ท
ณ เวลา 22.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,837.45 จุด ลดลง 243.05 จุด หรือ 0.97%
หุ้นอเมซอนดิ่งลง 3.2% และนำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงในวันนี้
หุ้นวอลมาร์ทร่วงลง 2.2% แม้มีการเปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยบริษัทมีกำไร 1.08 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์/หุ้น และมียอดขายเพิ่มขึ้น 3.4% ในสหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1% แต่บริษัทมีรายได้ 1.2489 แสนล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.2555 แสนล้านดอลลาร์
ตลาดไม่ได้ตอบรับข่าวที่ว่า จีนได้ส่งหนังสือตอบกลับข้อเรียกร้องของสหรัฐก่อนหน้านี้ที่ต้องการให้จีนทำการปฏิรูปนโยบายการค้า ซึ่งเป็นการดำเนินการที่จะช่วยให้สหรัฐและจีนเปิดฉากการเจรจาการค้าครั้งใหม่ และยุติการทำสงครามการค้าระหว่างกัน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนก.ย.
การดีดตัวขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนต.ค.ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์และวัสดุก่อสร้าง
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนต.ค.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนก.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,500 ราย สู่ระดับ 215,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนต.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย.
ดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน และอาหารที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยสกัดราคานำเข้า
นักลงทุนจับตาการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งได้ทำให้รัฐมนตรีหลายคนในคณะรัฐมนตรีของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ลาออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลง Brexit ที่นางเมย์ได้ยื่นต่อสหภาพยุโรป (EU)