ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์ร่วงลงนั้นมาจากข่าวที่ว่า รัฐมนตรีหลายคนของอังกฤษประกาศลาออกเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ยื่นต่อสหภาพยุโรป (EU)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,038.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
สกุลเงินปอนด์ถูกกดดันอย่างหนักหลังจากรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีของนางเทเรซา เมย์ ยังคงลาออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลง Brexit ที่นางเมย์ได้ยื่นต่อ EU
ทั้งนี้ นางซูเอลลา เบรเวอร์แมน รัฐมนตรีช่วยฝ่ายกิจการ Brexit และนางแอน-มารี เทรเวลแยน รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ ประกาศลาออกเมื่อวานนี้ ตามการลาออกของนายโดมินิค แรบ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit และนางเอสเธอร์ แมคเวย์ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการบำนาญของอังกฤษ ก่อนหน้านี้
รัฐมนตรีทั้ง 4 ต่างก็เป็นผู้สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยพวกเขาระบุว่า ข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและ EU ไม่ได้บ่งชี้ถึงการแยกตัวอย่างเด็ดขาดจาก EU ตามที่ชาวอังกฤษที่ลงประชามติในปี 2559 ต้องการ
ทางด้านนางเมย์กล่าวว่า ข้อตกลง Brexit ได้ให้ความสำคัญต่อผลการลงประชามติ และในขณะเดียวกัน ก็ได้ทำให้อังกฤษยังคงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ EU
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาโลหะ โดยหุ้น Evraz พุ่งขึ้น 5.2% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส พุ่งขึ้น 4.8%
อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง และ Brexit ได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 9% หุ้นแบงก์ ออฟ ไอร์แลนด์ ร่วงลงเกือบ 8% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ร่วงลง 5%