ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ทั้งในแดนบวกและลบ โดยนักลงทุนต่างจับตาสถานการณ์การเจรจาด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐว่า จะสามารถยกระดับให้เกิดความก้าวหน้าได้หรือไม่ หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐยืนยันยังคงมีแผนการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในเดือนม.ค. ท่ามกลางแผนการจัดการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน นอกรอบการประชุม G20 ช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,190.33 จุด เพิ่มขึ้น 86.99 จุด, +0.33% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,690.91 จุด ลดลง 112.71 จุด, -0.52% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,705.87 จุด เพิ่มขึ้น 11.66 จุด, +0.69%
นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐยังคงมีแผนที่จะปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในเดือนม.ค. พร้อมกับแสดงความเห็นว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน อาจทำได้แค่เพียงการเห็นพ้องร่วมกันใน "กรอบการดำเนินงานด้านการค้า" เมื่อผู้นำทั้งสองประชุมสุดยอดร่วมกันในช่วงปลายเดือนนี้
นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวในการแถลงข่าวว่า ตนจะพยายามผลักดันให้การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ประสบความสำเร็จ โดยจะดำเนินการอิงตามร่างข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU)
นางเมย์ยืนยันว่า แนวทางที่ตนได้ดำเนินการไว้นั้น เป็นแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งจะให้ความสำคัญต่อชาวอังกฤษ โดยจะปกป้องการค้า และไม่สร้างความตึงเครียดในบริเวณชายแดนระหว่างสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ
"ข้อตกลง Brexit จะให้ในสิ่งที่ประชาชนลงประชามติ และชาวอังกฤษต้องการให้เราดำเนินการให้สำเร็จ" นางเมย์กล่าว
นอกจากนี้ นางเมย์ยังปฏิเสธข่าวที่ว่า ตนจะลาออก โดยระบุว่า "ดิฉันจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป"
การแถลงข่าวของนางเมย์มีขึ้น หลังจากที่รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีของนางเมย์ยังคงลาออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลง Brexit ที่นางเมย์ได้ยื่นต่อ EU