ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด โดยได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในวันนี้ว่า จีนต้องการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ
ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในช่วงแรก ตามการดิ่งลงของหุ้น Nvidia ซึ่งได้กดดันหุ้นเซมิคอนดัคเตอร์ และกลุ่มเทคโนโลยี
ณ เวลา 01.15 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,394.97 จุด บวก 105.70 จุด หรือ 0.42%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในวันนี้ว่า จีนต้องการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ
"จีนต้องการทำข้อตกลง โดยจีนได้ส่งรายการสินค้าจำนวนมากที่จีนได้เปิดกว้างทางการค้า" ปธน.ทรัมป์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่ที่ทำเนียบขาว
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การที่สหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าของจีน ได้สร้างแรงกดดันต่อจีนจนทำให้จีนเห็นพ้องที่จะทำข้อตกลงการค้า
"ผมคิดว่าเราจะมีการทำข้อตกลง เราจะรู้ในไม่ช้า" เขากล่าว
ปธน.ทรัมป์กล่าวต่อไปว่า "เราจำเป็นต้องทำการค้าซึ่งกันและกัน เราไม่สามารถทำการค้าแบบเอาเปรียบคนโง่ ซึ่งเป็นแนวทางที่พวกเขาเอาเปรียบพวกเรา โดยจีนเอาเปรียบสหรัฐมาเป็นเวลานานแล้ว ด้วยการทำข้อตกลงการค้า ซึ่งทำให้สหรัฐซื้อสินค้าจีนวงเงินหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปี ขณะที่จีนซื้อสินค้าสหรัฐไม่มาก"
อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ลดช่วงบวก หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า คำกล่าวของปธน.ทรัมป์เป็นเพียงการแสดงความเชื่อมั่นต่อการเจรจาทางการค้ากับจีน โดยขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ความคืบหน้ากับการเจรจากับจีน
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนหน้า
ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 1.68% สู่ระดับ 57.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงราว 2% ในสัปดาห์นี้
บริษัท Nvidia Corp ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ทรุดตัวลงเกือบ 20% หลังเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่มีรายได้ต่ำกว่าคาด โดยมีกำไรที่ระดับ 1.84 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.71 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 3.18 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.24 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากที่รัฐมนตรีหลายรายพากันลาออก เนื่องจากไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
ทั้งนี้ นางซูเอลลา เบรเวอร์แมน รัฐมนตรีช่วยฝ่ายกิจการ Brexit และนางแอน-มารี เทรเวลแยน รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ ประกาศลาออกเมื่อวานนี้ ตามการลาออกของนายโดมินิค แรบ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit และนางเอสเธอร์ แมคเวย์ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการบำนาญของอังกฤษ ก่อนหน้านี้
รัฐมนตรีทั้ง 4 ต่างก็เป็นผู้สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยพวกเขาระบุว่า ข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและ EU ไม่ได้บ่งชี้ถึงการแยกตัวอย่างเด็ดขาดจาก EU ตามที่ชาวอังกฤษที่ลงประชามติในปี 2559 ต้องการ