ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 400 จุดเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นแอปเปิล และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ ปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นที่เพิ่งมีการเปิดตัวในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่า สหรัฐจะไม่เปลี่ยนแปลงมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,017.44 จุด ร่วงลง 395.78 จุด หรือ -1.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,690.73 จุด ลดลง 45.54 จุด หรือ -1.66% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,028.48 จุด ลดลง 219.40 จุด หรือ -3.03%
ราคาหุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดร่วงลง 4% เมื่อคืนนี้ หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า แอปเปิลได้ประกาศปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นซึ่งได้แก่ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max โดยผลิตภัณฑ์ iPhone เหล่านี้เพิ่งมีการเปิดตัวในเดือนก.ย.
วอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า อุปสงค์ที่ต่ำกว่าคาดของ iPhone รุ่นใหม่ และการที่แอปเปิลตัดสินใจเสนอขาย iPhone ที่มีจำนวนรุ่นมากขึ้น ได้สร้างความยากลำบากในการประเมินจำนวนชิ้นส่วน และจำนวนเครื่อง iPhone ที่บริษัทต้องการ
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงตามทิศทางราคาหุ้นแอปเปิล อีกทั้งถูกกดดันจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส ซึ่งระบุว่า ทางการจีนกำลังตรวจสอบบริษัทซัมซุง, เอสเค ไฮนิกซ์ และไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตเมมโมรี ชิป ในข้อหาทุ่มตลาด
หุ้นอเมซอน ร่วงลง 5.09% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 3.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 5.4% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.4% หุ้น Nvidia ร่วงลง 12% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีmi ร่วงลง 6.6% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 1.3% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 5.7%
หุ้นนิสสัน มอเตอร์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 5.9% ขณะที่หุ้นเรโนลท์ ดิ่งลง 8.4% หลังจากนายคาร์ลอส โกสน์ ประธานบริษัทนิสสัน มอเตอร์ และประธานบริหารของบริษัทเรโนลท์ ได้ถูกจับกุมตัวฐานทำผิดกฎหมายการเงินของญี่ปุ่น โดยนายโกสน์ได้แจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงต่อตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเป็นจำนวนเงินเกือบ 1 หมื่นล้านเยน (88.70 ล้านดอลลาร์) ซึ่งการแจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2554-2559
หุ้น JD.com ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดิ่งลง 8.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.048 แสนล้านหยวน ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.062 แสนล้านหยวน
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะไม่เปลี่ยนแปลงมาตรการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์จากจีน นอกจากว่าจีนจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำการค้ากับสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 8 จุด สู่ระดับ 60 ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559 และมื่อเทียบรายปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 9 จุดในเดือนพ.ย.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต