ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นเรโนลท์ เอสเอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของฝรั่งเศส ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากนายคาร์ลอส โกสน์ ประธานบริษัทนิสสัน มอเตอร์ และประธานบริหารของบริษัทเรโนลท์ ได้ถูกจับกุมตัวฐานทำผิดกฎหมายการเงินของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 355.11 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,244.54 จุด ลดลง 96.46 จุด หรือ -0.85% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,985.45 จุด ลดลง 39.74 จุด หรือ -0.79% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,000.89 จุด ลดลง 12.99 จุด, -0.19%
หุ้นเรโนลท์ ดิ่งลง 8.43% หลังจากนายคาร์ลอส โกสน์ ประธานบริษัทนิสสัน มอเตอร์ และประธานบริหารของบริษัทเรโนลท์ ได้ถูกจับกุมตัวฐานทำผิดกฎหมายการเงินของญี่ปุ่น โดยนายโกสน์ได้แจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงต่อตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเป็นจำนวนเงินเกือบ 1 หมื่นล้านเยน (88.70 ล้านดอลลาร์) ซึ่งการแจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2554-2559
ทางด้านบริษัทนิสสันออกแถลงการณ์ระบุว่า นายโกสน์ และนายเคลลีได้แจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นเวลาหลายปีต่อตลาดหลักทรัพย์โตเกียว นอกจากนี้ นิสสันยังเปิดเผยว่า นายโกสน์ได้ทำผิดกฎระเบียบของบริษัทหลายประการ เช่น การใช้ทรัพย์สินบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
หุ้น Dassault Systems ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของฝรั่งเศส ดิ่งลง 3.2%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ ซึ่งรวมถึงประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากที่รัฐมนตรี 4 คนของอังกฤษได้ประกาศลาออกเนื่องจากไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ โดยรัฐมนตรีทั้ง 4 คนได้แก่ นางซูเอลลา เบรเวอร์แมน รัฐมนตรีช่วยฝ่ายกิจการ Brexit นางแอน-มารี เทรเวลแยน รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ นายโดมินิค แรบ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit และนางเอสเธอร์ แมคเวย์ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการบำนาญของอังกฤษ ทั้งนี้ รัฐมนตรีทั้ง 4 คนนี้ต่างก็เป็นผู้สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยพวกเขาระบุว่า ข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและ EU ไม่ได้บ่งชี้ถึงการแยกตัวอย่างเด็ดขาดจาก EU ตามที่ชาวอังกฤษที่ลงประชามติในปี 2559 ต้องการ