ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 6% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นแอปเปิลที่ทรุดตัวลงเกือบ 5% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ 3 รุ่น ขณะที่ผลประกอบการอันย่ำแย่ของบริษัททาร์เก็ต และโคห์ล คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วยเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,465.64 จุด ร่วงลง 551.80 จุด หรือ -2.21% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,908.82 จุด ลดลง 119.65 จุด หรือ -1.70% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,641.89 จุด ลดลง 48.84 จุด หรือ -1.82%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 6% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.8% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.78% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 4.1% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดิ่งลง 7.3% หุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 7.01%และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 4.7%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงถูกเทขายอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้ปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นซึ่งได้แก่ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max โดยผลิตภัณฑ์ iPhone เหล่านี้เพิ่งมีการเปิดตัวในเดือนก.ย.
โกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับลดราคาเป้าหมายของแอปเปิลลงสู่ระดับ 182 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 209 ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ พร้อมกับเตือนว่า อุปสงค์ที่อ่อนแอของผลิตภัณฑ์แอปเปิล ซึ่งรวมถึง iPhone XR ในจีนและตลาดเกิดใหม่ และการแข็งค่าของดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยสกัดราคาหุ้นแอปเปิลไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปจนถึงปีหน้า
ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 4.8% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 1.1%% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.3% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.8% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 1.9% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ดิ่งลง 2.7% และหุ้นอินเทล ร่วงลง 1.3%
ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ทรุดฮวบลงถึง 10.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.09 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.12 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.2%
หุ้นโคห์ล คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเช่นกันนั้น ดิ่งลง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ตลอดปีงบการเงิน 2561 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ ร่วงลง 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเพียง 1.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% แม้บริษัทมีตัวเลขกำไรที่ระดับ 1.04 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.98 ดอลลาร์/หุ้นก็ตาม
ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 รายนั้น ได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย โดยหุ้นเมซีส์ อิงค์ ร่วงลง 3.4% หุ้นนอร์ดสตรอม ลดลง 0.5% หุ้นวอลมาร์ท ดิ่งลง 2.7% และหุ้นเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 4.05%
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.01% หลังจากโบอิ้งประกาศยกเลิกการจัดประชุมทางไกล (conference call) กับสายการบินต่างๆ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับระบบของเครื่องยนต์โบอิ้งรุ่น 737 MAX ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับของสายการบินไลอ้อน แอร์ ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกลงในอินโดนีเซียในเดือนที่แล้ว จนส่งผลให้ผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้งหมด 189 คนเสียชีวิต
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.228 ล้านยูนิต จากระดับ 1.210 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.225 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต
- ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ย.นี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) *