ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดิ่งลง หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบพฤติกรรมการทุ่มตลาดของบริษัทซัมซุง, เอสเค ไฮนิกซ์ และไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตเมมโมรี ชิป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 351.41 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,947.92 จุด ลดลง 52.97 จุด หรือ -0.76% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,924.89 จุด ลดลง 60.56 จุด หรือ -1.21% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,066.41 จุด ลดลง 178.13 จุด หรือ -1.58%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเนื่องมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่า ทางการจีนกำลังตรวจสอบบริษัทซัมซุง, เอสเค ไฮนิกซ์ และไมครอน เทคโนโลยี ในข้อหาทุ่มตลาด
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังได้รับแรงกดดันจากการที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้ประกาศปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นซึ่งได้แก่ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max โดยผลิตภัณฑ์ iPhone เหล่านี้เพิ่งมีการเปิดตัวในเดือนก.ย.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นไวร์คาร์ด ดิ่งลง 6% และหุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 3%
หุ้นโคเวสโตร ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัสดุรายใหญ่ของเยอรมนี ร่วงลง 14.5% ส่วนหุ้น Vivendi ซึ่งเป็นบริษัทสื่อของฝรั่งเศส ร่วงลง 2.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเอชเอสบีซี ร่วงลง 1.6% หุ้นดอยซ์ แบงก์ ร่วงลง 4.3% และหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ร่วงลง 1.9%