ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มทรัพยากร นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ยังฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลงด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,960.32 จุด ลดลง 89.91 จุด หรือ -1.28%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นเฟรสนิลโล บริษัทเหมืองโลหะมีค่าของเม็กซิโกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในอังกฤษ ร่วงลง 12.08% ซึ่งเป็นหุ้นที่ปรับตัวลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนี FTSE 100
หุ้นเซนทริกา ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานและเป็นบริษัทข้ามชาติ ดิ่งลง 9.2% ขณะที่หุ้นสเมอร์ฟิท คัปปา ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ร่วงลง 6.03%
หุ้นกลุ่มทรัพยากรร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นบีพี ดิ่งลง 1% และหุ้นริโอทินโต ร่วงลง 2.1%
ส่วนหุ้นบริษัทรายอื่นๆที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ หุ้นแอสทราเซเนกา ร่วงลง 1.8% หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ดิ่งลง 1.9% และหุ้นเอชเอสบีซี ปรับตัวลง 1.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นจัสอีท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสั่งอาหารทางออนไลน์ของอังกฤษ ดีดตัวขึ้น 3.8% ขณะที่หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้าหรู พุ่งขึ้น 3.6%
ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit นั้น อังกฤษและ EU สามารถบรรลุข้อตกลงกันแล้วเกี่ยวกับร่างกรอบปฏิญญาว่าด้วยความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างสหราชอาณาจักรและ EU หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.ปีหน้า
อย่างไรก็ดี ยังคงมีประเด็นการประมง และอนาคตของยิบรอลตาร์ ที่จะต้องมีการเจรจากันต่อไป ก่อนที่ผู้นำ EU จะประชุมสุดยอดในวันอาทิตย์นี้
ทั้งนี้ นายเปโดร ซานเชส นายกรัฐมนตรีสเปน ยืนกรานว่าจะไม่ให้การรับรองข้อตกลง Brexit หากประเด็นกรรมสิทธิเหนือยิบรอลตาร์ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยยิบรอลตาร์เป็นดินแดนภายใต้อาณัติของสหราชอาณาจักร หลังจากที่ยึดมาจากสเปนในปีค.ศ.1713
นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดเข้าพบนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้นำ 27 ชาติของ EU ในวันเสาร์นี้ ก่อนการประชุมสุดยอดของผู้นำ EU ในวันอาทิตย์นี้