ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) หลังจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ยอดขายทางออนไลน์ในวัน "ไซเบอร์มันเดย์" หรือวันจันทร์หลังเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐนั้น จะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ด้วยเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,640.24 จุด พุ่งขึ้น 354.29 จุด หรือ +1.46% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,081.85 จุด เพิ่มขึ้น 142.87 จุด หรือ +2.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,673.45 จุด เพิ่มขึ้น 40.89 จุด หรือ +1.55%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากอะโดบี อนาลิติค ซึ่งติดตามและวิเคราะห์ยอดขายทางออนไลน์ คาดการณ์ว่า ยอดขายออนไลน์ในช่วงวันไซเบอร์มันเดย์ปีนี้จะพุ่งขึ้นเกือบ 18% จากปีที่แล้ว แตะที่ระดับ 7.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อะโดบี อนาลิติค ยังเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ยอดขายทางออนไลน์ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐ พุ่งขึ้น 28% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แตะระดับ 3.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้นขานรับข้อมูลดังกล่าวของอะโดบี โดยหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 5.3% หุ้นเมซีส์ อิงค์ เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นทาร์เก็ต ทะยานขึ้น 2.8% หุ้นนอร์ดสตรอม เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นโคห์ล คอร์ป พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นโลว์ส พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเบสท์ บาย พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเกมสต็อป ทะยานขึ้น 8% และหุ้นอเมริกัน อีเกิล เอาท์ฟิทเทอร์ส พุ่งขึ้น 5.5%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกจะลงมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมเดือนหน้า โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.6%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 2.5% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 5.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เพิ่มขึ้น 2.5% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 2.03% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.2%
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ทะยานขึ้น 4.8% หลังจาก GM ประกาศว่าจะระงับการผลิตรถยนต์ในโรงงานหลายแห่งในสหรัฐและแคนาดาในปีหน้า รวมทั้งจะปลดพนักงาน 15% หรือมากกว่า 14,000 คน ในการปรับโครงสรัง ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย 6 พันล้านดอลลาร์ต่อปีจนถึงปลายปี 2563
นักลงทุนจับตาการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. ที่กรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดพบปะกันนอกรอบการประชุมดังกล่าว ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง จะมีโอกาสเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า ในการประชุม G20 ครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2), สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเบื้องต้นเดือนต.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 7-8 พ.ย.