ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก หากการเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประสบความล้มเหลว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.26% ปิดที่ 357.40 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,309.11 จุด ลดลง 45.61 จุด หรือ -0.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,983.15 จุด ลดลง 11.82 จุด หรือ -0.24% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,016.85 จุด ลดลง 19.15 จุด หรือ -0.27%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันในวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ หากเขาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการหารือนอกรอบการประชุม G20
หากสหรัฐเก็บภาษีสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ก็จะเป็นการเก็บภาษีสินค้าจีนในวงเงินรวมมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเป็นการเก็บภาษีต่อสินค้าทุกรายการที่สหรัฐนำเข้าจากจีน ซึ่งรวมถึง iPhone และแล็ปท็อป
ในการให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า แทบเป็นไปไม่ได้ที่สหรัฐจะชะลอการปรับขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 25% ในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า จากในขณะนี้ที่ระดับ 10%
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในปลายสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นบีพี ปรับตัวลง 0.5% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 1% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 2% หุ้นเกลนคอร์ รีซอสเซส ร่วงลง 1.6% และหุ้นแซนด์วิค ร่วงลงกว่า 2%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาร่วงลง โดยหุ้นโนวาติสท์ ปรับตัวลง 1% หุ้นไบเออร์ ร่วงลง 1.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นบีบีวีเอ ร่วงลงกว่า 4% และหุ้นเมโทร แบงก์ ร่วงลง 2.9%