ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลง เหตุวิตกสัมพันธ์จีน-สหรัฐหลังเกิดเหตุควบคุมตัวผู้บริหารหัวเว่ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 6, 2018 11:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐภายหลังเกิดเหตุควบคุมตัวผู้บริหารของหัวเว่ยโดยทางการแคนาดาตามคำร้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันนี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ที่ประชุมจะลงมติปรับลดกำลังการผลิต 1.0-1.4 ล้านบาร์เรล/วัน

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,117.28 จุด ลดลง 702.40 จุด, -2.62% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,514.98 จุด ลดลง 404.35 จุด, -1.84% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,677.64 จุด ลดลง 10.63 จุด, -0.63%

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐได้ขยายตัว "ในระดับพอประมาณหรือปานกลาง" ระหว่างช่วงกลางเดือนต.ค.ไปจนถึงปลายเดือนพ.ย. ขณะที่ประเด็นมาตรการภาษีนำเข้านั้นเป็นสิ่งที่กลุ่มผู้ผลิตในสหรัฐ "ยังคงวิตกกังวล"

รายงานระบุว่า "ความเชื่อมั่นได้เบาบางลงในบางเขต โดยผู้ตอบแบบสำรวจได้กล่าวถึงความไม่แน่นอนที่ปรากฏให้เห็นมากขึ้น อันเป็นผลจากนโยบายเก็บภาษีนำเข้า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปัญหาในตลาดแรงงาน"

โฆษกกระทรวงยุติธรรมแคนาดา เปิดเผยว่า ทางการแคนาดาได้จับกุมตัวนางเหม็ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามคำขอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าหัวเว่ยอาจลักลอบขายสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตร

รายงานข่าวระบุว่า นางเหม็ง ว่านโจว กำลังรอคำสั่งส่งตัวกลับสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ทางการสหรัฐคุมตัวต่อไป

สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำแคนาดา ได้ออกแถลงการณ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลแคนาดา กรณีที่นางเหม็ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ถูกทางการแคนาดาจับกุมตัวเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้บริหารระดับสูงรายนี้โดยเร็ว

นอกจากนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวยังเรียกร้องให้สหรัฐและแคนาดาแก้ไขในสิ่งที่ทำลงไปแล้วด้วย โดยข่าวการจับกุมตัวครั้งนี้คาดว่าจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากฝั่งจีนอาจมองว่าเป็นการโจมตีบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ