ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 53.02 จุด หลัง"ทรัมป์"ขู่ชัตดาวน์หน่วยงานสหรัฐ,วิตกทิศทาง Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 12, 2018 07:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องถูกปิดลง หรือชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,370.24 จุด ลดลง 53.02 จุด หรือ -0.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,636.78 จุด ลดลง 0.94 จุด หรือ -0.04% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,031.83 จุด เพิ่มขึ้น 11.31 จุด หรือ +0.16%

ในการซื้อขายช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนบวก ขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้โทรศัพท์หารือกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เมื่อวานนี้ เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งปธน.ทรัมป์มองว่าเป็นความเคลื่อนไหวในด้านบวก

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในเวลาต่อมา หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลถูกชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก

ขณะเดียวกันตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ 2 คนของสหรัฐได้เสนอร่างกฎหมายระงับการขายสินค้าของสหรัฐให้กับบริษัทจีนที่ละเมิดกฎหมายการส่งออกหรือการคว่ำบาตรของสหรัฐ

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กเช่นกัน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เดินทางเข้าพบผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวานนี้ เพื่อหาทางออกให้กับร่างข้อตกลง Brexit ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ในวันที่ 13-14 ธ.ค. อย่างไรก็ดี ผู้นำของ EU ส่งสัญญาณชัดเจนว่า พวกเขายินดีที่จะให้คำชี้แจงในประเด็นต่างๆต่อนางเมย์ แต่จะไม่มีการเจรจาต่อรองครั้งใหม่ต่อข้อตกลง Brexit

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.1% หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.5% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 2.1% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 0.2%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดตัวขึ้น 0.8% ขณะที่หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.8%

ส่วนหุ้นหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ ดีดตัวขึ้น 0.7% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 0.2% และหุ้นเฟียต ไครส์เลอร์ พุ่งขึ้น 2.6% ขานรับข่าวที่ว่า จีนกำลังเตรียมปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ