ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งสัญญาณคืบหน้า ขณะที่ตลาดจับตาสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมลงมติไม่ไว้วางใจนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า นางเมย์จะรอดพ้นจากการลงมติในครั้งนี้ และสามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ต่อไป
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,880.19 จุด เพิ่มขึ้น 73.25 จุด หรือ +1.08%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาพร้อมจะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี หากจะช่วยให้สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า จีนจะซื้อถั่วเหลืองจำนวนมากจากสหรัฐ หลังจากที่สหรัฐและจีนประกาศยุติสงครามการค้าชั่วคราว ซึ่งทรัมป์มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นความตั้งใจที่จะลดความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างสองประเทศ
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมลงมติไม่ไว้วางใจนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการซื้อขายก่อนที่พรรคอนุรักษ์นิยมจะประกาศผลการลงมติดังกล่าว
สำหรับผลการลงมติในครั้งนี้ปรากฎว่า นางเทเรซา เมย์ ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมในสภาสามัญชน ด้วยคะแนนเสียง 200 ต่อ 117 เสียง ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมต่อไป
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นเกลนคอร์ ทะยานขึ้น 2.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเจ เซนส์บิวรี ผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ ร่วงลงกว่า 7% ขณะที่หุ้นจอห์น วู้ด กรุ๊ป ดิ่งลงกว่า 10%