ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 21.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 35 จุด หรือ 0.14% สู่ระดับ 24,601 จุด
สื่อรายงานว่า บริษัทของรัฐบาลจีนได้สั่งซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐมากกว่า 1.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นการสั่งซื้อถั่วเหลืองสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 เดือน
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า จีนกำลังเตรียมทบทวนนโยบาย "Made in China 2025" โดยจะทำให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงต้องการใช้นโยบาย "Made in China 2025" ในการกระตุ้นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวว่าเป็นนโยบายกีดกันทางการค้า
แหล่งข่าวระบุว่า นโยบายใหม่ของจีนที่จะทดแทนนโยบาย "Made in China 2025" จะทำให้จีนลดเป้าหมายในการเป็นผู้นำในภาคการผลิต โดยจีนอาจใช้นโยบายใหม่ในต้นปีหน้า ขณะที่สหรัฐและจีนจะเร่งการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาพร้อมจะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี หากจะช่วยให้สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน
นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังเตรียมดำเนินการปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ
แหล่งข่าวระบุว่า คณะรัฐมนตรีจีนเตรียมพิจารณาข้อเสนอปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ ลงสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 40%
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้ แต่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัว และการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ซบเซาในเดือนพ.ย.