ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและเหมืองแร่ เนื่องจากนักลงทุนได้กลับมามีความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง หลังจีนและยูโรโซนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 2.21 จุด หรือ 0.63% ปิดที่ 347.21 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,865.77 จุด ลดลง 58.93 จุด หรือ -0.54% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,845.17 จุด ลดลง 32.33 จุด หรือ -0.47% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,853.70 จุด ลดลง 43.21 จุด หรือ -0.88%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังจีนได้เปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังมีความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของยูโรโซน หลังไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 49 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนพ.ย.
การร่วงลงของดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลดลง เพราะจีนเป็นประเทศที่ซื้อทรัพยากรธรรมชาติมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยหุ้นเกลนคอร์ ปรับตัวลดลง 1.86% และหุ้นริโอ ทินโต ปรับตัวลดลง 1.58%