ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 150 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีทปรับตัวลง ต่อเนื่องจากดิ่งลงวันศุกร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 17, 2018 21:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงกว่า 150 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ต่อเนื่องจากที่ดิ่งลงในวันศุกร์

ณ เวลา 21.15 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 154 จุด หรือ 0.64% สู่ระดับ 23,974 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงอย่างหนักเกือบ 500 จุดเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน และยุโรป โดยการที่จีนประกาศลดอัตราภาษีต่อรถยนต์นำเข้าของสหรัฐ ไม่ได้ช่วยหนุนการซื้อขาย

นายจอห์น สโตลฟัส หัวหน้านักวิเคราะห์ของออพเพนไฮน์เมอร์ แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า โอกาสที่จะเกิดปรากฎการณ์ "ซานตา คลอส แรลลี่" ในตลาดหุ้นปีนี้ ดูเหมือนจะลดน้อยลง ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 10 วันทำการก็จะสิ้นปีนี้

นายสโตลฟัสกล่าวว่า นักลงทุนยังคงไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้น แม้ว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีราคาหุ้นที่ต่ำ ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นในช่วงปีใหม่

ก่อนหน้านี้ นายสโตลฟัสคาดการณ์ในช่วงต้นเดือนนี้ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้น 7% ในช่วงปลายปี โดยได้แรงหนุนจากซานตา คลอส แรลลี่ ขณะที่ระบุว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งถูกเทขายในช่วงเดือนต.ค. และมีการปรับตัวที่ผันผวนในเดือนพ.ย. ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และการกลับมาเจรจาการค้าครั้งใหม่ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงถือเป็นสัญญาณที่ดี

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจในระยะนี้ได้ส่งผลให้นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และเป็นปัจจัยจำกัดผลตอบแทนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 500 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่จีนเปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ตามสถิติที่ผ่านมา ซานต้า แรลลี่ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471 หรือในช่วงเวลาเกือบ 90 ปีที่ผ่านมา

นักลงทุนรอการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้ ขณะที่ตลาดจะจับตาการส่งสัญญาณของเฟดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ