ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 200 จุดในวันนี้ต่อเนื่องจากวันศุกร์ หลุดระดับ 24,000 จุด ท่ามกลางปัจจัยลบที่กระหน่ำตลาด
ณ เวลา 22.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,888.70 จุด ลดลง 211.81 จุด หรือ 0.88%
ราคาหุ้นโกลด์แมน แซคส์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในปีนี้ หลังจากที่มีข่าวว่า มาเลเซียได้สั่งฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อโกลด์แมน แซคส์
ณ เวลา 22.16 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้นโกลด์แมน แซคส์ร่วงลง 1.46% สู่ระดับ 170.25 ดอลลาร์
นายทอมมี โทมัส อธิบดีอัยการของมาเลเซีย กล่าวว่า อัยการได้สั่งฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อธนาคารโกลด์แมน แซคส์ รวมทั้งอดีตพนักงาน 2 คน ตามกฎหมายหลักทรัพย์ของมาเลเซีย ในข้อหาคอร์รัปชั่น และฟอกเงินในกองทุน 1MDB
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และบริษัทประกันสุขภาพของสหรัฐต่างทรุดตัวลงอย่างหนัก หลังจากที่ศาลระบุว่า กฎหมายประกันสุขภาพของรัฐบาลบารัค โอบามา หรือ "โอบามาแคร์" ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ราคาหุ้น HCA Healthcare ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 5% ในการซื้อขายวันนี้ ขณะที่ราคาหุ้น Cigna และ Humana ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพร่วงลง 4% ส่วนบริษัท Centene และ Molina Healthcare ทรุดตัวลงเช่นกัน
ผู้พิพากษารีด โอคอนเนอร์จากศาลแขวงสหรัฐ ระบุว่า โครงการโอบามาแคร์ หรือ Affordable Care Act (ACA) ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการบังคับให้ประชาชนซื้อการประกันสุขภาพ
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาในวันนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 4 จุด สู่ระดับ 56 ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2558
เมื่อเทียบรายปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 18 จุดในเดือนธ.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์ รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของราคาบ้าน แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ชะลอตัวลง
นอกจากนี้ เฟดสาขานิวยอร์กรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดิ่งลงสู่ระดับ 10.9 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 23.3 ในเดือนพ.ย. โดยต่ำกว่าระดับ 20.6 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เขาคิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่เฟดกำลังคิดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง
"มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ว่า ในขณะที่ดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้นอย่างมาก และแทบไม่มีเงินเฟ้อ ส่วนโลกภายนอกก็กำลังวุ่นวายรอบตัวเรา กรุงปารีสกำลังถูกคนเผา และจีนอยู่ในช่วงขาลง แต่เฟดกำลังคิดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง โดยหวังจะเอาชนะ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
เฟดจะจัดการประชุมในวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงอย่างหนักเกือบ 500 จุดเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน และยุโรป โดยการที่จีนประกาศลดอัตราภาษีต่อรถยนต์นำเข้าของสหรัฐ ไม่ได้ช่วยหนุนการซื้อขาย
นายจอห์น สโตลฟัส หัวหน้านักวิเคราะห์ของออพเพนไฮน์เมอร์ แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า โอกาสที่จะเกิดปรากฎการณ์ "ซานตา คลอส แรลลี่" ในตลาดหุ้นปีนี้ ดูเหมือนจะลดน้อยลง ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 10 วันทำการก็จะสิ้นปีนี้
นายสโตลฟัสกล่าวว่า นักลงทุนยังคงไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้น แม้ว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีราคาหุ้นที่ต่ำ ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นในช่วงปีใหม่
ก่อนหน้านี้ นายสโตลฟัสคาดการณ์ในช่วงต้นเดือนนี้ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้น 7% ในช่วงปลายปี โดยได้แรงหนุนจากซานตา คลอส แรลลี่ ขณะที่ระบุว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งถูกเทขายในช่วงเดือนต.ค. และมีการปรับตัวที่ผันผวนในเดือนพ.ย. ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และการกลับมาเจรจาการค้าครั้งใหม่ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงถือเป็นสัญญาณที่ดี
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจในระยะนี้ได้ส่งผลให้นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และเป็นปัจจัยจำกัดผลตอบแทนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 500 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่จีนเปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ตามสถิติที่ผ่านมา ซานต้า แรลลี่ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471 หรือในช่วงเวลาเกือบ 90 ปีที่ผ่านมา