ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ณ เวลา 22.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,838.09 จุด เพิ่มขึ้น 162.45 จุด หรือ 0.69%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ แต่เฟดจะปรับลดจำนวนครั้งในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เหลือเพียง 2 ครั้ง จากเดิมที่คาดไว้ที่ 3 ครั้ง อันเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ การที่นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ อันเนื่องจากขาดแคลนงบประมาณ หรือ "ชัตดาวน์" ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาด
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวส่งสัญญาณวานนี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจยอมยกเลิกข้อเรียกร้องของเขาที่ต้องการให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนเม็กซิโก
"เรามีหนทางอื่นในการได้เงิน 5 พันล้านดอลลาร์ โดยเราจะหารือกับสภาคองเกรสต่อไป" นางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว กล่าว
นางแซนเดอร์สยืนยันว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้มีการปิดหน่วยงานรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องการปิดชายแดน
นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐก็กำลังดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ
ราคาหุ้นของบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากที่นักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของ GE
ณ เวลา 21.40 น. ตามเวลาไทย ราคาหุ้น GE ทะยานขึ้น 6% สู่ระดับ 7.70 ดอลลาร์
นายเจฟฟ์ สปราก นักวิเคราะห์จากเวอร์ติคอล รีเสิร์ช พาร์ทเนอร์ ประกาศปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของ GE สู่ buy ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
นายสปรากระบุว่า การที่บริษัททำการปรับโครงสร้าง จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นอกจากนี้ เวอร์ติคอล รีเสิร์ช ยังได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ GE สู่ระดับ 11 ดอลลาร์/หุ้น จากเดิมที่ระดับ 10 ดอลลาร์/หุ้น