ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ แต่ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,711.93 จุด ลดลง 54.01 จุด หรือ -0.80%
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ แต่ธนาคารกลางได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 4 สู่ระดับ 0.2% จากเดิมที่ 0.3% ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 0.2% ในไตรมาสแรกของปีหน้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ BoE เตือนว่า ความไม่แน่นอนจากปัจจัย Brexit ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่การประชุมครั้งล่าสุดของ BoE ในเดือนพ.ย. และความไม่แน่นอนเหล่านี้กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 1.3% และหุ้นบีพี ดิ่งลง 2%
ส่วนหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวผันผวน โดยหุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น ลดลง 0.2% หุ้นแอสทราเซเนกา ลดลง 0.4% ขณะที่หุ้นไชร์ พุ่งขึ้น 1.3%
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลง โดยหุ้นไรอันแอร์ ร่วงลง 2.6% หุ้นแอลเอชเอ ปรับตัวลง 2% หลังจากสนามบินแกตวิคของอังกฤษได้สั่งปิดรันเวย์ชั่วคราว ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มีผู้จงใจปล่อยโดรนเพื่อก่อกวนการบินในสนามบินแกตวิค และขณะนี้ตำรวจกำลังไล่ล่าผู้ที่ปล่อยโดรนดังกล่าว โดยสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้โดยสารหลายหมื่นคนต่างได้รับผลกระทบจากการปิดรันเวย์ของสนามบินแกตวิค
ทั้งนี้ สนามบินแกตวิค ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงลอนดอน ถือเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารคับคั่งเป็นอันดับ 2 ในอังกฤษ โดยทางสนามบินได้ปิดรันเวย์เมื่อค่ำวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งทำให้ต้องมีการระงับเที่ยวบินขาเข้าและออกจากสนามบิน หลังมีผู้พบโดรน 2 เครื่องในบริเวณสนามบิน