ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยแม้ว่านายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้หารือร่วมกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความเพียงพอของสภาพคล่องในตลาด แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาความวิตกกังวลของนักลงทุนได้ นอกจากนี้ การที่หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐยังคงปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ รวมทั้งข่าวลือที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการปลดนายเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,792.20 จุด ร่วงลง 653.17 จุด หรือ -2.91% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,351.10 จุด ลดลง 65.52 จุด หรือ -2.71% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,192.92 จุด ลดลง 140.08 จุด หรือ -2.21%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. 2560 เมื่อคืนนี้ และเป็นการปิดในแดนลบติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายมนูชินได้หารือกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่งของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ผู้บริหารของโกลด์แมน แซคส์, เจพี มอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าธนาคารเหล่านี้มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจ ขณะที่ผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่เหล่านี้ต่างก็ยืนยันว่าธนาคารยังมีสภาพคล่องเพียงพอในการปล่อนสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภค
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้นายมนูชินได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นด้วยการหารือกับ 6 ผู้บริหารธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลลงได้ นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่า การที่นายมนูชินได้เรียกประชุมคณะทำงานด้านตลาดการเงินของประธานาธิบดีสหรัฐ หรือกลุ่มเฉพาะกิจเพื่อป้องกันการทรุดตัวของตลาด (Plunge Protection Team) เมื่อวานนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่มีต่อทิศทางเศรษฐกิจในขณะนี้
นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานบางส่วนของสหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์เป็นวันที่ 3 เมื่อวานนี้ ขณะที่นายมิค มัลวานีย์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณแห่งทำเนียบขาวเตือนว่า ภาวะชัตดาวน์อาจจะยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 3 ม.ค.ปีหน้า หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่อนุมัติร่างกฎหมายที่บรรจุงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ตามความประสงค์ของปธน.ทรัมป์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวลือที่ว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยปธน.ทรัมป์ได้ออกมาทวีตข้อความตำหนิเฟดอีกครั้งเมื่อวานนี้ ซึ่งระบุว่า "สิ่งที่เป็นปัญหาของเศรษฐกิจสหรัฐก็คือเฟด พวกเขาไม่ยอมรับรู้ถึงความรู้สึกของตลาด" ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 1.9% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.3% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 2.1% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.8% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 3.4%
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.6% และปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 2560 นอกจากนี้ มูลค่าตลาดของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 7 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 2560
** ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายในวันอังคารที่ 25 ธ.ค. เนื่องในวันคริสต์มาส **