ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการที่หน่วยงานบางส่วนของสหรัฐถูกปิดทำการเนื่องจากขาดแคลนงบประมาณ หรือชัตดาวน์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,685.99 จุด ลดลง 35.18 จุด หรือ -0.52%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แม้นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้หารือกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่งของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ผู้บริหารของโกลด์แมน แซคส์, เจพี มอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าธนาคารเหล่านี้มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลลงได้
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานบางส่วนของสหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์เป็นวันที่ 3 เมื่อวานนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่อนุมัติร่างกฎหมายที่บรรจุงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ตามความประสงค์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวลือที่ว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
หุ้นยูไนเต็ด ยูทิลิตีส์ กรุ๊ป ดิ่งลง 4.6%
ส่วนหุ้นที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1% และหุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ พุ่งขึ้น 3%