ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปิดพุ่งขึ้นกว่า 1,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (26 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับรายงานของมาสเตอร์การ์ด สเปนดิงพัลส์ ซึ่งระบุว่า บริษัทค้าปลีกของสหรัฐทำยอดขายพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปีในช่วงเทศกาลวันหยุดปีนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 8%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,878.45 จุด พุ่งขึ้น 1,086.25 จุด หรือ +4.98% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,467.70 จุด เพิ่มขึ้น 116.60 จุด หรือ +4.96% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,554.35 จุด เพิ่มขึ้น 361.44 จุด หรือ +5.84%
มาสเตอร์การ์ด สเปนดิง พัลส์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยข้อมูลค้าปลีกในเครือมาสเตอร์การ์ด รายงานว่า ยอดขายของบริษัทค้าปลีกสหรัฐในระหว่างวันที่ 1 พ.ย.-24 ธ.ค.ปีนี้ พุ่งขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 8.50 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งทำสถิติแข็งแกร่งสุดในรอบ 6 ปี
รายงานดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้น โดยหุ้นอเมซอน ทะยานขึ้น 9.4% หุ้นเมซีส์ อิงค์ พุ่งขึ้น 7% หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ พุ่งขึ้น 8.9% หุ้นทาร์เก็ต เพิ่มขึ้น 5.6% หุ้นนอร์ดสตรอม พุ่งขึ้น 5.8% หุ้นโคห์ล คอร์ป ทะยานขึ้น 10.2% หุ้นโลว์ส พุ่งขึ้น 5.9% หุ้นเบสท์ บาย พุ่งขึ้น 6.8% และหุ้นอเมริกัน อีเกิล เอาท์ฟิทเทอร์ส พุ่งขึ้น 10.7% หุ้นโฮม ดีโปท์ เพิ่มขึ้น 6.4% หุ้นดอลลาร์ ทรี อิงค์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐที่จำหน่ายสินค้าทุกชนิดในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่า พุ่งขึ้น 5.6%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 8% เมื่อคืนนี้ ขานรับการฟื้นตัวของตลาดหุ้นและมุมมองบวกที่รัฐมนตรีพลังงานรัสเซียมีต่อแนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้า โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.7% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 6.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 6.1% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 8.2% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 7.4% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 5.1% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 27%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ถูกแรงขายทุบร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 8.1% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 7% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 6.4% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 8.4% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 6.8% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 4.7% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 6.4% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 6% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 5.4%
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการที่นายเควิน แฮสเซทท์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวได้ออกมายืนยันว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้อยู่ในความเสี่ยงที่จะพ้นจากตำแหน่ง พร้อมกับกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พอใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ
ถ้อยแถลงของนายแฮสเซทท์ช่วยลดกระแสความตื่นตระหนกในตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าปธน.ทรัมป์ต้องการปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และข่าวที่ว่านายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้หารือกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่งของสหรัฐ เพื่อประเมินเสถียรภาพของภาคธนาคาร ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐมีต่อทิศทางเศรษฐกิจ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนก.ย. และนับเป็นการชะลอตัวเดือนที่ 7 ติดต่อกัน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.