ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) หลังจากร่วงลงสองวันติดต่อกัน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มธนาคารที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 2% ปิดที่ระดับ 336.23 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,558.96 จุด เพิ่มขึ้น 177.45 จุด หรือ 1.71% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,678.74 จุด เพิ่มขึ้น 80.13 จุด หรือ 1.74% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,733.97 จุด เพิ่มขึ้น 149.29 จุด หรือ 2.27%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้น นำโดยหุ้นเอเอ็มเอส เอจี ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัท แอปเปิล อิงค์ ที่พุ่งขึ้นถึง 10.2%
หุ้นกลุ่มธนาคารก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นยูบีเอส กรุ๊ป เอจี ที่ทะยานขึ้น 4.1% ส่วนหุ้นโอลด์ มูชวล กลุ่มธนาคารและการลงทุน เพิ่มขึ้น 2.3%
นักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ที่หน่วยงานสหรัฐถูกปิดดำเนินงานเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ประกาศเลื่อนการประชุมพิจารณางบประมาณชั่วคราวออกไปเป็นวันจันทร์ที่ 31 ธ.ค. หลังจากที่การประชุมยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากมีรายงานว่า คณะผู้แทนสหรัฐจะเดินทางไปยังประเทศจีนในวันที่ 7 ม.ค.ปีหน้า เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ของจีน
นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันในเวลาต่อมาว่า จีนและสหรัฐมีแผนที่จะเจรจาการค้าในเดือนม.ค.ปีหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมเจรจากันแบบหน้าต่อหน้าครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตกลงที่จะสงบศึกการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเป็นเวลา 90 วันเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา