ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ตลาดปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit และภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,734.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.10 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.2 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 53.6 ในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของดัชนี PMI ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่สู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศกำหนดการสำหรับการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลง Brexit เป็นสัปดาห์ที่เริ่มต้นวันที่ 14 ม.ค.นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นางเมย์ได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลง Brexit อย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่มีกำหนดลงมติในวันที่ 11 ธ.ค.ในปีที่แล้ว เนื่องจากวิตกว่าจะไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา หากมีการลงมติในวันดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐต้องปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือภาวะชัตดาวน์ ซึ่งได้ล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้วในขณะนี้ ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้วางแผนที่จะยุติภาวะชัตดาวน์ด้วยการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในการประชุมวันนี้ แต่งบประมาณดังกล่าวจะไม่รวมงบในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกร้อง
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นบีเอชพี กรุ๊ป หุ้นอันโตฟากัสตา และหุ้นเกลนคอร์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 4% ขณะที่หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลงเกือบ 4%