ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งสัญญาณคืบหน้า ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรัฐบาลอังกฤษยืนยันว่า รัฐสภาจะลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ในวันที่ 15 ม.ค.นี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,861.60 จุด เพิ่มขึ้น 50.72 จุด หรือ +0.74%
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นขานรับมุมมองบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปเป็นอย่างดี ขณะที่นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะแก้ไขความขัดแย้งทุกอย่าง
นายสตีเวน วินเบิร์ก เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานสหรัฐ ได้ยืนยันกับสื่อมวลชนว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กรุงปักกิ่งจะยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ จากเดิมที่มีกำหนดเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่า การเจรจาของทั้งฝ่ายดำเนินไปด้วยดี
หุ้นเน็กซ์ ดีดตัวขึ้น 6.1% ส่วนหุ้นดีเอส สมิธ และหุ้นสเมอร์ฟิท คัปปา ซึ่งเป็นสองบริษัทบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษ ต่างก็พุ่งขึ้นราว 5.7%
หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 4.7% ขณะที่หุ้นเทสโก้ ปรับตัวขึ้น 3.8%
ส่วนหุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต ร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ต่ำกว่าบริษัทคู่แข่งอย่าง อัลดี
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ Brexit อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดโฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันว่า รัฐสภาจะลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ในวันที่ 15 ม.ค.นี้
โฆษกนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า สมาชิกรัฐสภาจะเริ่มต้นอภิปรายร่างข้อตกลงดังกล่าวในวันนี้ และจะปิดการปภิปรายในวันที่ 15 ม.ค. ก่อนที่จะมีการลงมติในวันดังกล่าว
นอกจากนี้ โฆษกยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลอังกฤษไม่มีนโยบายในการชะลอเวลาการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) ด้วยการขยายเวลาในการประกาศใช้มาตรา 50 เห่งสนธิสัญญาลิสบอน ถึงแม้แนวคิดดังกล่าวอาจมีการหารือกันในท่ามกลางเจ้าหน้าที่ของ EU ก็ตาม
ทั้งนี้ อังกฤษมีกำหนดแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.ปีนี้