ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่า การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีความคืบหน้า โดยทั้งสองฝ่ายสามารถลดช่องว่างของความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นการค้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,906.63 จุด เพิ่มขึ้น 45.03 จุด หรือ +0.66%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ได้ส่งสัญญาณในด้านบวก โดยล่าสุดสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในการเจรจาการค้ากับจีนครั้งนี้ สหรัฐสามารถสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าที่เป็นธรรม และได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายกับจีน
USTR เปิดเผยว่า จีนได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐ โดยมีการหารือถึงคำมั่นสัญญาของจีนในการซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐในด้านการเกษตร, พลังงาน รวมทั้งสินค้าในภาคการผลิตและบริการ
หุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านของอังกฤษ พุ่งขึ้น 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นเพอร์ซิมมอน ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านอีกรายหนึ่งนั้น พุ่งขึ้น 4%
นักลงทุนยังคงจับตาแผนการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประสบความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกต่อแผนการ Brexit โดยสมาชิกรัฐสภายืนกรานให้รัฐบาลเสนอแผนทางเลือกภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน หากสภาคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ของนางเมย์ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ สมาชิกในสภาสามัญชนลงมติด้วยคะแนนเสียง 308-297 เรียกร้องให้รัฐบาลเสนอแผนรองรับภายในเวลา 3 วันทำการ หากร่างข้อตกลง Brexit ของนางเมย์ไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาในการลงมติในวันอังคารหน้า แทนที่จะเป็นเวลา 21 วันตามที่นางเมย์เสนอก่อนหน้านี้
สมาชิกรัฐสภาอังกฤษได้เริ่มต้นอภิปรายร่างข้อตกลง Brexit เมื่อวานนี้ และจะปิดการอภิปรายในวันที่ 15 ม.ค. ก่อนที่จะมีการลงมติในวันดังกล่าว