ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากเทสโก้เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงหลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่เช่น จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ และฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศลดจำนวนพนักงานตามแผนลดการใช้จ่าย ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากทางการจีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตขยายตัวเพียงเล็กน้อยในเดือนธ.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.34% ปิดที่ 348.88 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,942.87 จุด เพิ่มขึ้น 36.24 จุด หรือ +0.52% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,921.59 จุด เพิ่มขึ้น 28.27 จุด หรือ +0.26% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,805.66 จุด ลดลง 7.91 จุด หรือ -0.16%
หุ้นเทสโก้ ดีดตัวขึ้น 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่หุ้นเจ เซนส์บิวรี พุ่งขึ้น 2%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลงเกือบ 6% และหุ้นเกลนคอร์ ลดลง 0.5% หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ขยายตัว 0.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 2.7%
ดัชนีหุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลง หลังจากจากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ (JLR) เตรียมปรับลดพนักงานสูงสุดถึง 5,000 ตำแหน่ง จากแรงงานทั้งหมด 40,000 คนในสหราชอาณาจักร เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับขีดความสามารถในการแข่งขันภายหลังการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศแผนปรับโครงสร้างในสหราชอาณาจักร และยุโรป ซึ่งจะส่งผลให้มีการปลดพนักงานจำนวนหลายพันตำแหน่ง โดยขณะนี้ฟอร์ดกำลังเจรจากับสหภาพแรงงาน ซึ่งประเด็นการหารือดังกล่าวรวมถึงมาตรการในการปรับลดค่าใช้จ่าย, การเน้นการผลิตรถยนต์ในรุ่นที่สามารถทำกำไร และการถอนตัวจากตลาดที่มีกำไรน้อย