ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 200 จุดในวันนี้ หลังจากปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ณ เวลา 21.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,816.82 จุด ลดลง 185.10 จุด หรือ 0.77%
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสยังคงไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้ภาวะชัตดาวน์ได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 21
ปธน.ทรัมป์กล่าวอย่างชัดเจนว่า เขาพร้อมที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ หากการเจรจากับสภาคองเกรสไม่ประสบความคืบหน้าในการอนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก
การประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว จะทำให้ปธน.ทรัมป์มีอำนาจออกกฎหมายพิเศษโดยไม่ต้องขอการอนุมัติจากสภาคองเกรสสำหรับการสร้างกำแพงโดยใช้งบประมาณที่มีการจัดสรรไว้แล้วสำหรับกองทัพ
นักลงทุนกังวลต่อเศรษฐกิจจีน หลังจากที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ประกาศปรับลดคาดการณ์รายได้ โดยระบุถึงยอดขาย iPhone ที่ซบเซาในจีน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทสตาร์บัคจะเป็นบริษัทต่อจากแอปเปิลที่จะปรับลดคาดการณ์รายได้ จากยอดขายที่ตกต่ำในจีน
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากทรงตัวในเดือนพ.ย.
ดัชนี CPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาอาหารปรับตัวขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ย.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนต.ค.และพ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% เช่นกันในเดือนพ.ย.