ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ทั้งในเดือนธ.ค.และปี 2561 นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,855.02 จุด ลดลง 63.16 จุด หรือ -0.91%
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค. ลดลง 4.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 7.6% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนธ.ค.ที่ระดับ 5.71 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยทั้งยอดส่งออกและนำเข้าในเดือนธ.ค.เป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559
ส่วนตลอดปี 2561 นั้น ยอดส่งออกของจีนปรับตัวขึ้น 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2560 ที่มีการขยายตัว 7.9% ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัวเพียง 12.9% ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2560 ที่มีการขยายตัว 15.9%
ข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีนได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 1% หุ้นบีพี ปรับตัวลง 0.7% หุ้นริโอทินโต ลดลง 0.8% หุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 1.2% และหุ้นอันโตฟากัสตา ดิ่งลงกว่า 2%
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ขยับขึ้น 0.5% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเบอร์เบอร์รี่ สู่ระดับ "neutral" จากระดับ "underperform"
นักลงทุนจับตารัฐสภาอังกฤษซึ่งจะทำการลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ในวันนี้ เวลา 20.00-21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้ามืดวันพุธเวลา 03.00-04.00 น.ตามเวลาไทย
การลงมติดังกล่าวจะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตการเมืองของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งต้องการผลักดันให้ร่างข้อตกลง Brexit ฉบับนี้ผ่านการอนุมัติในรัฐสภา หลังจากที่ได้เลื่อนการลงมติมาแล้วครั้งหนึ่งจากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 11 ธ.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากวิตกว่าจะถูกสภาคว่ำในวันดังกล่าว
ทั้งนี้ ร่างข้อตกลง Brexit ของนางเมย์จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาสามัญชนอย่างน้อย 320 เสียง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด 639 เสียง