ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลดช่วงบวกในวันนี้ หลังจากที่เจพีมอร์แกน เชสเปิดเผยกำไรต่ำกว่าคาดเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ไตรมาส
ณ เวลา 19.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 10 จุด หรือ 0.04% สู่ระดับ 23,877 จุด หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก
ราคาหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ดิ่งลงกว่า 2% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวอลล์สตรีทวันนี้ หลังจากที่เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรต่ำกว่าคาดเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ไตรมาส โดยได้รับผลกระทบจากรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้ที่อ่อนแอเกินคาด
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 1.98 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.20 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 2.68 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.684 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยรายได้จากการขายตราสารหนี้อยู่ที่ระดับ 1.86 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.2 พันล้านดอลลาร์
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขานรับจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
ตลาดยังคงถูกกดดันจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์) ที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ โดยขณะนี้ย่างเข้าสู่วันที่ 25 ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสยังคงไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตารัฐสภาอังกฤษซึ่งจะทำการลงมติต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ เวลา 20.00-21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้ามืดวันพรุ่งนี้เวลา 03.00-04.00 น.ตามเวลาไทย อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า รัฐสภาอังกฤษจะคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ในวันนี้ ซึ่งจะสร้างความปั่นป่วนต่อการเมืองอังกฤษ รวมทั้งตลาดการเงินทั่วโลก