ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนลบในวันนี้ หลังมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 22.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,176.96 จุด ลดลง 30.20 จุด หรือ 0.12%
ราคาหุ้นของมอร์แกน สแตนลีย์ร่วงลง หลังเปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตยลีย์ระบุว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 80 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 89 เซนต์/หุ้น
ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 8.55 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.3 พันล้านดอลลาร์
ธนาคารกลางจีนได้ทำการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินของประเทศเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ โดยหวังผ่อนคลายภาวะขาดแคลนสภาพคล่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
"สภาพคล่องโดยรวมในระบบธนาคารกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว" แถลงการณ์จากธนาคารกลางระบุ
ธนาคารกลางยังเปิดเผยว่า การอัดฉีดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีเงินทุนอย่างเพียงพอในระบบการเงิน ซึ่งกำลังประสบภาวะตึงตัวขณะที่ถึงช่วงการจ่ายภาษีในกลางเดือนนี้ และท่ามกลางความต้องการเงินสดก่อนหน้าเทศกาลตรุษจีนในช่วงต้นเดือนหน้า
การอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ มีขึ้น หลังจากที่มีรายงานว่า จีนเตรียมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการปรับลดภาษี เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจที่กำลังส่งสัญญาณชะลอตัวลงในขณะนี้
ทางด้านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า พนักงานอัยการสหรัฐกำลังเร่งสอบสวนคดีอาญาต่อบริษัทหัวเว่ย ฐานขโมยความลับทางการค้าจากบริษัทที-โมบายล์ ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายของสหรัฐ รวมถึงบริษัทสหรัฐรายอื่นๆ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
แหล่งข่าวระบุว่า การสอบสวนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่สหรัฐได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีแพ่งต่อหัวเว่ยมาแล้วหลายครั้งในช่วงก่อนหน้านี้ และบางคดีได้ตัดสินไปแล้ว โดยหนึ่งในนั้นคือคดีที่ศาลซีแอตเทิล ซึ่งคณะลูกขุนได้ตัดสินว่า หัวเว่ยมีความผิดฐานขโมยเทคโนโลยีหุ่นยนต์จากห้องปฏิบัติการวิจัยของบริษัทที-โมบายล์ ที่เมืองเบลวิว รัฐวอชิงตัน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 220,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 18,000 ราย สู่ระดับ 1.74 ล้านราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 1.73 ล้านราย